LANGUAGE

ภาวะอ้วนจากความเครียด เมื่อความกดดันส่งผลต่อน้ำหนักตัว

“ทำไมยิ่งเครียด ยิ่งอ้วน?” คำถามที่หลายคนสงสัย แต่น้อยคนจะรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างความเครียดและความอ้วนนั้นมีรากฐานมาจากการทำงานของฮอร์โมนในร่างกาย ในยุคที่ค่าครองชีพพุ่งสูง การแข่งขันในที่ทำงานเข้มข้น และความกดดันรอบด้านที่ถาโถมเข้ามา ทำให้หลายคนต้องเผชิญกับภาวะความเครียดสะสม จนส่งผลกระทบต่อสุขภาพและรูปร่างโดยไม่รู้ตัว บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจว่าเหตุใดความเครียดจึงเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้การลดความอ้วนเป็นเรื่องยาก และมีวิธีจัดการอย่างไรให้ได้ผล

ฮอร์โมนคอร์ติซอล ตัวการร้ายที่แอบแฝงมากับความเครียด

เมื่อร่างกายเผชิญความเครียด ต่อมหมวกไตจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ฮอร์โมนความเครียด” ฮอร์โมนนี้มีหน้าที่สำคัญในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด การเผาผลาญพลังงาน และการตอบสนองต่อความเครียด เมื่อระดับคอร์ติซอลสูงขึ้นจะส่งผลให้

● ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้น

เมื่อร่างกายอยู่ในภาวะความเครียด ฮอร์โมนคอร์ติซอลจะกระตุ้นการสร้างน้ำตาลจากโปรตีนและไขมัน ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ซึ่งกระตุ้นการหลั่งอินซูลิน และนำไปสู่การสะสมไขมันในที่สุด

● เกิดการสะสมไขมันบริเวณหน้าท้องมากขึ้น

คอร์ติซอลมีผลโดยตรงต่อการกระจายตัวของไขมัน โดยจะส่งเสริมให้เกิดการสะสมไขมันบริเวณช่องท้องมากกว่าส่วนอื่น ไขมันในช่องท้องนี้เป็นอันตรายต่อสุขภาพมากกว่าไขมันในส่วนอื่นของร่างกาย เพราะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและเบาหวาน

● ความอยากอาหารเพิ่มขึ้น

ภาวะความเครียดกระตุ้นการหลั่งสารเคมีในสมองที่เกี่ยวข้องกับความอยากอาหาร โดยเฉพาะอาหารหวานและไขมันสูง เนื่องจากอาหารประเภทนี้กระตุ้นการหลั่งสารสุขในสมอง ทำให้รู้สึกผ่อนคลายชั่วคราว

● การเผาผลาญพลังงานลดลง

ระดับคอร์ติซอลที่สูงขึ้นส่งผลให้กล้ามเนื้อทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ทำให้การเผาผลาญพลังงานโดยรวมของร่างกายลดลง นอกจากนี้ยังรบกวนการทำงานของไมโตคอนเดรีย ซึ่งเป็นแหล่งผลิตพลังงานหลักของเซลล์

ฮอร์โมนเลปติน กุญแจสำคัญในการควบคุมน้ำหนัก

ฮอร์โมนเลปติน (Leptin) เป็นฮอร์โมนที่ผลิตจากเซลล์ไขมัน มีหน้าที่สำคัญในการควบคุมความหิวและความอิ่ม โดยส่งสัญญาณไปยังสมองเพื่อบอกว่าร่างกายได้รับพลังงานเพียงพอแล้ว อย่างไรก็ตาม ในภาวะที่มีความเครียดเรื้อรัง อาจเกิดการดื้อต่อฮอร์โมนเลปติน ส่งผลให้

● ไม่รู้สึกอิ่มแม้รับประทานอาหารในปริมาณมาก

เมื่อเกิดภาวะดื้อต่อเลปติน สมองจะไม่สามารถรับรู้สัญญาณอิ่มได้ตามปกติ ทำให้รับประทานอาหารเกินความต้องการของร่างกาย แม้จะได้รับพลังงานเพียงพอแล้วก็ตาม การรับประทานอาหารมากเกินไปนี้นำไปสู่การสะสมไขมันและน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น

● เกิดวงจร “ความเครียด-กิน-อ้วน

เมื่อเกิดความเครียด ร่างกายจะหาทางผ่อนคลายด้วยการกิน ซึ่งกระตุ้นการหลั่งสารสุขในสมอง แต่เมื่อน้ำหนักเพิ่มขึ้น ก็เกิดความเครียดจากรูปร่างที่เปลี่ยนไป นำไปสู่การกินเพื่อคลายความเครียดอีก กลายเป็นวงจรที่แก้ไขได้ยาก

● ระบบการเผาผลาญในร่างกายทำงานผิดปกติ

ภาวะดื้อต่อเลปตินส่งผลให้การเผาผลาญไขมันลดลง เนื่องจากร่างกายไม่สามารถใช้ไขมันเป็นพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มีการสะสมไขมันมากขึ้นเรื่อยๆ

● น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

การทำงานที่ผิดปกติของเลปตินทำให้ร่างกายพยายามเก็บสะสมพลังงานในรูปของไขมัน เพราะสมองเข้าใจผิดว่าร่างกายกำลังขาดพลังงาน ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นแม้จะพยายามควบคุมอาหารแล้วก็ตาม

จากความเครียดสู่จาน ทำไมเราถึงกินไม่หยุดเมื่อใจไม่สงบ?

ความเครียดไม่เพียงส่งผลต่อการทำงานของฮอร์โมนเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อพฤติกรรมการรับประทานอาหารด้วย หลายคนมักใช้การกินเป็นวิธีคลายความเครียด โดยเฉพาะอาหารประเภท

● ขนมหวาน

อาหารที่มีน้ำตาลสูงจะกระตุ้นการหลั่งสารเซโรโทนินในสมอง ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขชั่วคราว แต่เมื่อระดับน้ำตาลลดลงอย่างรวดเร็ว จะทำให้รู้สึกหงุดหงิดและต้องการรับประทานอีก

● อาหารมัน

ไขมันกระตุ้นการหลั่งสารเอนดอร์ฟิน ซึ่งเป็นสารแห่งความสุขตามธรรมชาติ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและเพลิดเพลิน แต่อาหารไขมันสูงมักมีแคลอรี่สูงและย่อยยาก ส่งผลให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

● เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง

เครื่องดื่มรสหวานให้พลังงานสูงแต่ไม่ทำให้อิ่ม และมักดื่มได้ในปริมาณมาก ทำให้ได้รับแคลอรี่เกินความต้องการโดยไม่รู้ตัว

● อาหารขยะ

อาหารประเภทนี้มักมีรสชาติจัด หวาน มัน เค็ม กรอบ ทำให้รู้สึกเพลิดเพลินขณะรับประทาน แต่มีคุณค่าทางโภชนาการต่ำและให้พลังงานสูง

3 กุญแจสู่การปลดล็อกความเครียด พิชิตความอ้วน

การลดความอ้วนที่มีประสิทธิภาพต้องเริ่มจากการจัดการความเครียดอย่างเหมาะสม ด้วยวิธีการต่างๆ ดังนี้

1. การออกกำลังกายสม่ำเสมอ

  • ช่วยลดระดับคอร์ติซอล: การออกกำลังกายแบบแอโรบิกอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อย 30 นาทีต่อครั้ง สัปดาห์ละ 3-5 วัน จะช่วยลดระดับฮอร์โมนความเครียดคอร์ติซอลในร่างกาย โดยเฉพาะการออกกำลังกายในช่วงเช้าจะช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนได้ดีที่สุด
  • กระตุ้นการหลั่งเอนดอร์ฟิน: ขณะออกกำลังกาย ร่างกายจะหลั่งสารเอนดอร์ฟิน หรือที่เรียกว่า “ฮอร์โมนแห่งความสุข” ช่วยลดความเครียด ความวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้า ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขมากขึ้น ลดการกินเพื่อระบายความเครียด
  • เพิ่มประสิทธิภาพการเผาผลาญ: การออกกำลังกายแบบผสมผสานทั้งคาร์ดิโอและเวทเทรนนิ่ง จะช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ กระตุ้นการเผาผลาญทั้งในขณะออกกำลังกายและหลังจากนั้น ทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้ดีขึ้นแม้ในยามพัก

2. การฝึกสมาธิและการหายใจ

  • ลดความเครียด: การฝึกสมาธิและเทคนิคการหายใจแบบลึก (Deep Breathing) จะช่วยลดการกระตุ้นระบบประสาทซิมพาเทติก ซึ่งเป็นระบบที่ทำงานเมื่อเกิดความเครียด และกระตุ้นระบบประสาทพาราซิมพาเทติก ที่ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย ทำให้ระดับคอร์ติซอลลดลง
  • ควบคุมการกินอย่างมีสติ: การฝึกสติช่วยให้เรารับรู้ความหิวและความอิ่มได้ดีขึ้น สามารถแยกแยะระหว่างความหิวทางกายภาพกับความอยากอาหารที่เกิดจากความเครียด ทำให้ควบคุมพฤติกรรมการกินได้ดีขึ้น รับประทานอาหารช้าลง และรู้สึกอิ่มพอดีโดยไม่ต้องกินมากเกินไป
  • ปรับสมดุลฮอร์โมน: การทำสมาธิอย่างสม่ำเสมอช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความเครียดและการควบคุมน้ำหนัก ทั้งคอร์ติซอล เลปติน และกรีลิน ทำให้ระบบเผาผลาญในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

3. การนอนหลับให้เพียงพอ

  • ช่วยควบคุมฮอร์โมนความหิว: การนอนหลับที่เพียงพอ 7-9 ชั่วโมงต่อคืน ช่วยควบคุมการทำงานของฮอร์โมนเลปติน (ฮอร์โมนอิ่ม) และกรีลิน (ฮอร์โมนหิว) ให้สมดุล การนอนน้อยหรือนอนไม่หลับจะทำให้ระดับกรีลินสูงขึ้น ทำให้รู้สึกหิวและอยากอาหารมากกว่าปกติ
  • ลดความอยากอาหาร: การอดนอนหรือนอนไม่เพียงพอจะทำให้สมองส่วนที่ควบคุมการตัดสินใจและแรงจูงใจทำงานได้ไม่เต็มที่ ทำให้ควบคุมความอยากอาหารได้ยากขึ้น โดยเฉพาะอาหารที่มีแคลอรี่สูง หวาน และมัน การนอนหลับเพียงพอจะช่วยให้ควบคุมความอยากอาหารได้ดีขึ้น
  • ฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ: ในระหว่างการนอนหลับ ร่างกายจะซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ต่างๆ รวมทั้งปรับสมดุลฮอร์โมน ลดการอักเสบ และฟื้นฟูระบบประสาท ทำให้ร่างกายและจิตใจพร้อมรับมือกับความเครียดในวันต่อไป ช่วยลดโอกาสที่จะเกิดการกินเพื่อระบายความเครียด

สรุป

การแก้ปัญหาความอ้วนที่มีสาเหตุจากความเครียดต้องอาศัยความเข้าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างร่างกายและจิตใจ การลดความอ้วนที่ได้ผลจึงต้องครอบคลุมทั้งการจัดการความเครียด การปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร และการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ด้วยการดูแลที่ถูกต้องและเหมาะสม คุณสามารถก้าวข้ามปัญหาความอ้วนจากความเครียดไปได้ พร้อมกับมีสุขภาพกายและใจที่แข็งแรงยิ่งขึ้น

หากคุณกำลังประสบปัญหาความอ้วนจากความเครียด การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสม ที่ Chuladoctor Clinic เรามีโปรแกรม Sliming Lisa ซึ่งเป็นนวัตกรรมการลดความอ้วนที่พัฒนาโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของเรา อย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ การเริ่มต้นดูแลตัวเองวันนี้ คือก้าวแรกสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในวันข้างหน้า

CHULA DOCTOR

WELLNESS

Chuladoctor ผู้นำด้านความงามและสุขภาพ ที่ช่วยชะลอวัยและย้อนวัยด้วยนวัตกรรมล้ำสมัย เรามอบการดูแลที่ครอบคลุมตั้งแต่ภายในสู่ภายนอก เพื่อให้คุณคงความอ่อนเยาว์และสุขภาพดีในทุกช่วงวัย ให้กาลเวลาไม่สามารถทำลายความงามและพลังแห่งสุขภาพของคุณได้อีกต่อไป

facebooklinephoneigmail

ให้การดูแลสุขภาพและความงามเป็นเรื่องง่ายที่ Chuladoctor ที่ซึ่งการชะลอวัยและย้อนวัยกลายเป็นความจริง เพื่อให้คุณสวยและสุขภาพดีในทุกช่วงเวลา